อ้าวคดีพลิก! ปันจักสีลัต โร่ชี้แจงปล่อยนักกีฬาเวียดนามนอนเจ็บ ลั่น เจอบ่อยสู้ไม่ได้แกล้งล้ม หวังชนะฟาวล์ ยันมีหลักฐานครบ


วันที่ 17 ธ.ค. 68 จากกรณีดราม่าการปฐมพยาบาลในการแข่งขันกีฬาปันจักสีลัต ศึกซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในรุ่น 65 กิโลกรัมชาย คู่ระหว่าง เหงียน มินห์ ตรี นักกีฬาจากเวียดนาม พบกับ มูฮัมหมัด อิซซู จากมาเลเซีย ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์



เหตุการณ์เริ่มต้นจากจังหวะที่นักกีฬาชาวเวียดนามถูกหมัดเข้าบริเวณลำคอ ก่อนจะล้มลงนอนแน่นิ่งกลางสนาม ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณะกลับเป็นการที่ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่อุ้มนักกีฬาออกจากสนาม โดยไม่ได้ใช้เปลสนาม ดามคอ หรือดำเนินการปฐมพยาบาลในลักษณะที่หลายคนคาดหวัง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก



ต่อมา ผู้ตัดสินได้วินิจฉัยว่า เหงียน มินห์ ตรี ไม่สามารถแข่งขันต่อได้ ทำให้ มูฮัมหมัด อิซซู ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทันที แม้ทีมโค้ชเวียดนามจะยื่นอุทธรณ์ แต่คำตัดสินยังคงยืนตามเดิม


ล่าสุด คุณนักรบ ทองแดง ประธานฝ่ายเทคนิค สมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย ได้ออกมาชี้แจงกับ “เพจขอบสนาม” โดยยืนยันว่า และฝ่ายจัดการแข่งขันมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบถ้วน พร้อมทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญดูแลนักกีฬาอย่างใกล้ชิด



ในมุมของเทคนิคการแข่งขัน มูฮัมหมัด อิซซู เป็นแชมป์เก่าจากซีเกมส์ครั้งก่อน และถูกยกให้เป็นตัวเต็งของรุ่นนี้ ขณะที่นักกีฬาจากเวียดนามถูกมองว่าเป็นรองอยู่พอสมควร โดยกติกาปันจักสีลัตแตกต่างจากมวย คือ ห้ามชกเข้าบริเวณใบหน้า หากทำผิดกติกาจะถูกปรับแพ้ฟาวล์ทันที ซึ่งในทางปฏิบัติ เคยมีกรณีที่นักกีฬาล้มลงจากการถูกหมัดเฉี่ยว เพื่อหวังผลด้านฟาวล์ให้กับตนเอง



กรณีดังกล่าว ผู้ตัดสินได้มีการตรวจสอบภาพ VAR อย่างละเอียด และชี้ชัดว่าหมัดที่ออกไป ไม่ผิดกติกา และไม่เข้าข่าย “น็อกดาวน์” จากนั้นคณะกรรมการได้เรียกทีมแพทย์ลงสนาม เพื่อตรวจประเมินอาการตามขั้นตอน ทั้งการใช้ไฟส่องตา ตรวจกล้ามเนื้อบริเวณคอ และการเช็กสัญญาณต่าง ๆ ซึ่งผลการประเมินพบว่าอาการอยู่ในเกณฑ์ปกติ



ด้วยความที่ เวียดนาม สู้ไม่ได้อยู่แล้ว จึงต้องการหาทางชนะฟาวล์ ทำให้แกล้งนอนแน่นิ่ง ผู้ตัดสินจึงดำเนินการนับตามกติกาจนครบ 10 วินาที ซึ่งคนที่ไม่ได้ติดตาม หรือ ไม่เห็นทางไลฟ์สด เลยคิดว่าน่ากลัว ทำไมปล่อยให้นักกีฬาบาดเจ็บ นอนแน่นิ่งอยู่กลางสนาม


เมื่อผลการแข่งขันสิ้นสุดลงและมาเลเซียเป็นฝ่ายชนะ นักกีฬาชาวเวียดนามยังคงนอนอยู่ในสนาม ทำให้ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ต้องอุ้มพาออกไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้เปลสนาม เนื่องจากทีมแพทย์ได้ประเมินแล้วว่า ไม่มีอาการบาดเจ็บรุนแรง


ผู้ตัดสินชาวอินโดนีเซีย ซึ่งทำหน้าที่ Assistant Technical Delegate ยืนยันเพิ่มเติมว่า กรณีนี้ไม่ใช่ “น็อกดาวน์” และไม่มีความเสี่ยงอันตรายร้ายแรงใด ๆ


หลังจากนั้นไม่นาน เหงียน มินห์ ตรี ก็สามารถกลับมานั่งเชียร์เพื่อนร่วมทีม และร่วมซ้อมล่อเป้ากับนักกีฬาชาติเดียวกันได้ตามปกติ ซึ่งสมาคมกีฬาปันจักสีลัตแห่งประเทศไทยยืนยันว่า มีหลักฐานภาพและข้อมูลทั้งหมดเก็บไว้ครบถ้วน


สำหรับประเด็นอุปกรณ์การแพทย์ คุณนักรบ ทองแดง ย้ำชัดว่า สมาคมฯ และทีมแพทย์มีความพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์และบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทาง โดยการปฏิบัติที่เห็นเป็นไปตามกฎระเบียบของการแข่งขัน เนื่องจากแพทย์สามารถประเมินอาการเบื้องต้นได้ทันที หากไม่พบอาการรุนแรง หรือเข้าข่ายแกล้งบาดเจ็บ ก็อาจใช้วิธีอุ้มพาออกจากสนาม ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติปกติในกีฬาชนิดนี้